฿600+ FREE SHIPPING

มือใหม่หายห่วง! ปลูกกัญชา ง่ายกว่าที่คิด

2

มือใหม่หายห่วง! ปลูกกัญชา ง่ายกว่าที่คิด

การปลูกกัญชาหลักๆ นั้นมีอยู่ 3 แบบ คือ การปลูกกลางแจ้ง (Out-door) การปลูกในระบบปิด (In-door) และ การปลูกในโรงเรือนกลางแจ้ง (Green house) โดยทั้งสามวิธีการปลูกมีสิ่งที่ต้องให้คำนึงถึงแตกต่างกันไป

 

รูปแบบการปลูก
1. การปลูกกลางแจ้ง (Out-door)
เป็นการปลูกกัญชาแบบระบบเปิดที่มีต้นทุนน้อย แต่มีความเสี่ยงสูงในด้านศัตรูพืชและสภาวะอากาศที่ไม่คงที่หรือเหมาะสมกับกัญชา โดยกัญชาจะเติบโตตามธรรมชาติตามชั่วโมงแสง ใช้เงินทุนค่อนข้างต่ำ แต่ต้องระวังเรื่องแมลงศัตรูพืชและการเกิดเชื้อราเป็นอย่างมากเมื่อถึงฤดูทำดอก และสามารถเก็บเกี่ยวได้ปีละ 1-2 ครั้ง

2. การปลูกในโรงเรือน (In-door)
เป็นการปลูกกัญชาแบบปิด และต้องใช้หลอดไฟและคำนวณแสงให้เพียงพอต่อพืช ข้อดีของการปลูกแบบปิดคือเราสามารถควบคุมแสง อุณหภูมิและปัจจัยอื่นๆ ได้ และสามารถเก็บเกี่ยวได้ถึงปีละ 4-5 ครั้งขึ้นกับการวางแผนการปลูก แต่ข้อเสียก็คือต้องใช้ต้นทุนสูง

3. การปลูกในโรงเรือนกลางแจ้ง (Green house)
เป็นการปลูกกัญชาที่รวมข้อดีของการปลูกกลางแจ้งและโรงเรือนเข้าด้วยกัน ใช้หลังคาพลาสติกกันฝนได้ และได้รับแสงจากธรรมชาติ แต่ควรระวังความร้อนที่เกิดจากกรีนเฮาส์ เอฟเฟกต์ ผู้ปลูกควรใส่พัดลมดูดและพัดลมกวนอากาศเพื่อลดปัญหานี้ และบางพื้นที่ควรจะเพิ่มแผงรังผึ้ง (Evaporative Cooler) เพื่อลดอุณหภูมิและเพิ่มความชื้น

การเตรียมดินและหลุมปลูกสำหรับการปลูกกลางแจ้ง

  1. ไถพรวนอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อให้ดินอ่อนตัวและถ่ายเทอากาศได้ดี รวมถึงกำจัดวัชพืชไปในตัว
  2. ทำร่องระบายน้ำสูง 20-30 ซม. แต่ละแถวให้มีระยะห่าง 100 ซม.
  3. ขุดหลุมกว้างและลึกประมาณ 40-50 ซม. โดยเว้นระยะห่างต่อหลุมประมาณ 60-100 ซม.
  4. รองก้นหลุมด้วยดินผสมปุ๋ยคอก โดยดินควรเป็นดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดีและมีอินทรียวัตถุสูง มีค่า PH อยู่ระหว่าง 5.8-6.2

การเพาะเมล็ดและการปลูก

  1. เตรียมอุปกรณ์ในการเพาะเมล็ด ได้แก่ เมล็ดพันธุ์กัญชา, สำลี, ฟ็อกกี้, น้ำ, ฟิล์มยืดห่ออาหาร และจาน
  2. วางสำลีลงบนจานและนำเมล็ดกัญชาวางลงบนสำลี สำลีกลมหนึ่งแผ่นสามารถวางได้ 5 เมล็ด โดยต้องวางเมล็ดให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม
  3. ฉีดน้ำจากฟ็อกกี้ที่เตรียมไว้ลงแผ่นสำลีที่วางเมล็ดเรียบร้อยแล้ว
  4. นำสำลีเปล่าปิดทับสำลีที่มีเมล็ดวางอยู่และพรมน้ำอีกครั้ง จากนั้นให้นำฟิล์มยืดห่ออาหารที่มีรูเล็กๆ คลุมจานและสำลีไว้
  5. นำจานเพาะไปไว้ในที่มืดและมีอุณหภูมิปะมาณ 20 องศา จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 2-5 เพื่อให้รากงอกออกมาจากเมล็ดประมาณ 2-5 เซนติเมตร
  6.  จากนั้นให้ย้ายลงหลุมปลูกที่เตรียมไว้ โดยต้องมั่นใจว่ารากได้ฝังลงไปในดิน และส่วนหัวได้โผล่ขึ้นมาบนพื้นผิวดิน
  7. โดยปกติแล้วกัญชาควรได้รับแสงอย่างน้อย 18 ชั่วโมงต่อวัน บริเวณแปลงปลูกควรมีอุณหภูมิประมาณ 20-27 องศา และมีระดับความชื้นอยู่ที่ 60-80%

การรดน้ำและใส่ปุ๋ย

  1. การรดน้ำควรสังเกตจากความชื้นในดินบริเวณต้นกัญชา หากดินยังมีความเปียกชื้นควรงดการรดน้ำเพื่อป้องกันการเกิดรากเน่าและโรคต่างๆ ที่อาจจะตามมาจากการรดน้ำที่มากเกินไป(Over-watering) น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำสะอาด หากเป็นน้ำประปาควรพักไว้ 1 วันก่อนใช้งาน เพื่อให้คลอรีนระเหยออก นอกจากนี้ก่อนรดน้ำควรมีการตรวจเช็ค pH เป็นประจำให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมคือ 5.8 – 6.5 เพื่อป้องกันไม่ให้กัญชาไม่สามารถดูดซึมสารอาหารในดินได้ (Nutrition locked)
  2. การใส่ปุ๋ยควรใส่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งตามขนาดของต้นกัญชา เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นกัญชาได้รับปุ๋ยมากเกินไป และควรเลือกใส่ปุ๋ยให้ถูกตามช่วงอายุ โดยเฉพาะในด้านปริมาณและธาตุอาหารที่จะได้จากปุ๋ยนั้นๆ) เช่น ทำใบเน้นปุ๋ยที่มีธาตุอาหาร N สูง หรือ ทำดอกเน้นปุ๋ยที่มีธาตุอาหาร P K สูง
  3. ตัวอย่างปุ๋ยและน้ำหมักสำหรับใส่กัญชาที่ควรใช้ คือ ปุ๋ย AB มูลไส้เดือน มูลค้างคาว น้ำหมักปลาทะเล น้ำหมักผลไม้รวม เชื้อราไมคอร์ไรซ่า เชื้อราไตรโคเดอร์มา หรืออาจใช้ปุ๋ยเสริมสำเร็จรูปต่างๆที่มีจำหน่ายตามท้องตลาด
  4. หมั่นกำจัดวัชพืชและฉีดนำ้ป้องกันและกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ

การคัดต้น
เมื่อกัญชามีอายุ 45 วัน หรือมีความสูงประมาณ 50-60 ซม. ก็สามารถแยกเพศของต้นกัญชาได้แล้ว ให้ถอนต้นตัวผู้ทิ้งและเก็บไว้เฉพาะต้นตัวเมีย

การเก็บเกี่ยว
ผู้ปลูกต้องสังเกตจากสภาพของดอกกัญชาและดูจากสีของหัวไตรโครม (Trichrome) ที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าต้นกัญชานี้พร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวหรือไม่ โดยความสุกหรือสีของหัวไตรโคมจะออกแบ่งเป็น 3 ระดับคือ ใส(Clear) ขุ่น(Cloudy) และ อำพัน(Amber) ซึ่งการเก็บเกี่ยวให้ได้คุณภาพที่ดีนั้นควรเก็บตอนที่หัวไตรโคมมีสีขุ่นปนอำพันเล็กน้อย เพราะจะทำให้ได้สาร Cannabinoid สูงมากกว่าตอนที่หัวไตรโคมมีลักษณะใส ทั้งนี้ช่วงเวลาในการเก็บเกี่ยวขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และความชอบส่วนตัวของนักปลูกว่าชอบดอกที่สุกมาก สุกน้อย หรือสุกกำลังดี

  1. เมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วควรนำต้นกัญชาไปตากจนแห้ง โดยควบคุมสภาพล้อมของห้องตากให้เหมาะสมเพื่อคงคุณภาพดอกให้ดีได้ดังนี้
    ห้อยหัวตากต้นกัญชาในที่มืด
  2. ควบคุมอุณภูมิให้อยู่ที่ 18-20 องศา และความชื้น 45%-55%
  3. ห้องควรมีอากาศหมุนเวียน แต่หลีกเลี่ยงการตากให้ดอกโดนลมโดยตรง และไม่ควรนำไปตากแดดเพราะจะทำให้ดอกเสื่อมคุณภาพลงทั้งด้านกลิ่นและตัวสารสำคัญที่อยู่ในตัวดอก

การปลูกกัญชานั้นมีหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึง ทั้งสภาพแวดล้อมและวิธีการปลูก และที่สำคัญ เมล็ดพันธุ์ที่นำมาปลูกก็ต้องได้คุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ เพื่อลดปัญหาที่จะตามมาทีหลังในการปลูก หากใครกำลังมองหาเมล็ดพันธุ์คุณภาพ Canneticz ขอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกและเพื่อนที่ไว้ใจได้ในด้านเมล็ดพันธุ์กัญชา โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Sugar Bomb Punch

ขอบคุณข้อมูลจาก
https://home.kapook.com/view257035.html
https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_177311
https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_180612
https://dutch-passion.blog/cotton-pad-germination-method/

0